Search

[damonshoppu]

สถานการณ์ปัจจุบันของการตรวจโควิด – 19 นั้น ก็ยังคงมีอยู่ต่อเนื่องและดูท่าจะไม่มีที่สิ้นสุด กระนั้นสิ่งที่ต้องทำเมื่อเข้าข่ายความเสี่ยงคือการตรวจด้วยชุดตรวจโควิดที่บางคนอาจจะยังไม่ชิน เราไม่รอช้าที่จะพาไปทำความรู้จักถึงประเภทชุดตรวจ และวิธีการใช้งานที่ถูกต้องเหมาะสม ซึ่งจะมีรายละเอียดเป็นอย่างไรบ้างนั้นไปติดตามกันเลย



ทำความรู้จักประเภทของชุดตรวจโควิดด้วยตัวเอง

การหาซื้อชุดตรวจ Covid – 19 นั้นสามารถทำได้โดยร้านค้าทั่วไป ซึ่งจะตรวจหาเชื้อด้วยตนเองจะเป็นการเก็บตัวอย่างที่หลังโพรงจมูก ลำคอ เพื่อเป็นการหาแบบเบื้องต้น ทำเง่าย และเห็นผลไว้ 2 – 3 ชม. เท่านั้น โดยใช้งานชุดตรวจก็เพื่อดูว่าตัวเองติดเชื้อไหม เพื่อที่จะปฏิบัติตัวได้ถูกต้องหากเป็นจริง ๆ เข้าสู่กระบวนการป้องกันการแพร่เชื้อ ที่แม้จะไม่ได้ผลแม่นยำ 100% แต่ก็ช่วยคัดกรองได้เบื้องต้น ซึ่งชุด Rapid Test จะแบ่งออกเป็น 2 ชนิดด้วยกัน คือ

- Rapid antibody test คือชุดตรวจความคุ้มกันโควิด – 19 ที่จะเป็นการเจาะเลือดที่ปลายนิ้ว หรือท้องแขน โดยผู้ป่วยต้องรับเชื้อมาแล้วมากกว่า 10 วัน ถึงจะตรวจเจอ
- Rapid antigen test คือการตรวจหาเชื้อ Covid – 19 ด้วยวิธี Swab เก็บเอาสารคัดหลั่งที่จมูกถึงคอ เก็บจากลำคอ หรืออื่น ๆ ที่ขึ้นอยู่กับที่ตรวจโควิดนั้น ๆ จะกำหนด โดยที่จะมีความแม่นยำสูงมาก ผู้ตรวจต้องรับเชื้อมาแล้ว 5 – 14 วันจึงจะหาเชื้อเจอ

แนะวิธีการใช้งานที่ตรวจ Covid – 19 ไม่ใช่เรื่องยาก

สำหรับชุดตรวจ ATK นั้นต้องเป็นชุดยี่ห้อที่ได้รับอนุญาตจาก อย. แล้ว ที่สามารถซื้อมาตรวจได้เองตามต้องการ โดยมีทั้งสิ้น 34 ยี่ห้อ โดยการทำคือ

- เริ่มต้นจากการล้างมือให้สะอาดอาจจะสบู่แล้วล้างน้ำสะอาด หรือเจลแอลกอฮอล์ สเปรย์แอลกอฮอล์
- จากนั้นให้เก็บตัวอย่างเชื้อ โดยใช้ก้านสำลีเพื่อ Swab ที่ให้มาด้วยในกล่องทำตามคำแนะนำ อาจจะแหย่ลำคอ จมูก กระพุ้งแก้ม ที่จะต้องหมุนก้านสำลี 3 – 4 ครั้ง หรือ 3 วินาที
- เอาก้านสำลีออกมาแล้วหมุนใส่หลอดที่มีสารละลายตรวจหาเชื้อ หมุนวนอย่างน้อย 5 ครั้ง หรือ 15 วินาที บีบลำสีให้แห้ง โดยที่มือไม่ไปจับก้านสำลีหรือสารละลาย
- เมื่อเสร็จแล้วก็นำก้านสำลีใส่ซีลทิ้ง หยดสารละลายที่แท่นตรวจตามหยดที่ยี่ห้อนั้น ๆ แจ้งไว้ รอผล 15 – 30 นาที หากขึ้น C = ลบ ขึ้น C และ T 2 ขีด = บวก (ติดเชื้อ) ขึ้น C และไม่ขึ้น T = แผ่นเทสเสีย

สำหรับผู้ที่จำเป็นต้องใช้ชุดตรวจโควิดนั้น จริง ๆ ก็สามารถใช้ได้เลยหากมีความเข้าข่าย เช่น ผู้ที่เข้าข่ายชัด เจ็บคอ ไอ ไข้ หอบเหนื่อย เจ็บหน้าอกเฉียบพลัน ฯลฯ หรือผู้ที่ป่วยเล็กน้อย หรือสุ่มเสี่ยง ผู้ที่เคยมีประวัติใกล้ชิดกับผู้ป่วยโควิด – 19 เป็นต้น