เช็กให้ชัวร์! บริษัทรับสร้างบ้านแบบไหน ดูแล้วน่าเชื่อถือ ไม่ทิ้งงาน

[dsmol19]

การจ้างบริษัทรับสร้างบ้าน เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกยอดนิยมที่เพื่ออำนวยความสะดวกในการสร้างบ้าน แต่ทั้งนี้ เจ้าของบ้านก็มีสิ่งที่ควรรู้ และศึกษาไว้ ก่อนที่จะเซ็นสัญญาว่าจ้างบริษัทรับก่อสร้าง เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะตามมาภายหลัง โดยในบทความนี้ ได้รวบรวมวิธีเลือกบริษัทรับสร้างบ้านยังไงให้ไม่โดยเทมาให้แล้ว ดังนี้ 

• มีประวัติ และ ผลงานที่ชัดเจน
  

เริ่มจากการศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับบริษัท ทั้งประวัติความเป็นมามีอะไร ผลงานที่ผ่านมาเป็นอย่างไร เป็นบริษัทที่มีการจดทะเบียนอย่างถูกต้องมั้ย  และมีสำนักงานที่ตั้งบริษัทอยู่ที่ไหน  ทั้งนี้ เราสามารถค้นหาได้ง่าย ๆ ผ่านอินเทอร์เน็ต หรือสอบถามจากผู้มีประสบการณ์ ตัวอย่างเช่น เพื่อนบ้านในละแวกใกล้เคียง นอกจากนี้ อย่าลืมที่จะสอบถามความคิดเห็น หรือดูว่ามีการร้องเรียนจากลูกค้าเก่า ๆ มั้ย ในบทวิจารณ์ลูกค้า โดยการพิมพ์ชื่อบริษัทตามด้วยคำว่า รีวิว หลอกลวง หรือคำที่คล้าย ๆ กัน 

• มีใบเสนอราคา
  

ผู้ว่าจ้างสามารถขอใบเสนอราคา เพื่อนำมาพิจารณาถึงราคากับคุณภาพ และบริการที่จะได้รับ อีกทั้งควรมีแบบบ้านให้เลือกอย่างหลากหลาย ไม่ต่ำกว่า 50 แบบ เพื่อให้เจ้าของบ้านสามารถตัดสินใจได้ตรงความต้องการมากที่สุด 

• ถามคำถามเพิ่มเติม เพื่อเสริมความเชื่อมั่น
  

การได้รับคำปรึกษาก่อนเลือกบริษัทรับสร้างบ้าน จะช่วยให้ผู้ว่าจ้างได้ทราบถึงคำชี้แจงที่เกี่ยวกับธุรกิจอย่างละเอียดมากขึ้น เช่น ระยะเวลาในการดำเนินโครงงาน การสื่อสาร และการแก้ไขปัญหา เพราะสิ่งเหล่านี้จะแสดงให้เห็นถึงประสบการณ์ของบริษัทนั้น ๆ ว่ามีคุณภาพ และการบริการเป็นอย่างไร เพื่อให้เรารู้ถึงความพร้อมของบริษัทที่เราจะทำสัญญาด้วย

• ทำสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษร
  

การทำสัญญาก่อนว่าจ้าง ถือเป็นเรื่องที่สำคัญมาก หากผู้ว่าจ้างและบริษัทรับสร้างบ้านทำการตกลงกันด้วยสัญญาด้วยปากเปล่า ไม่มีเอกสารเป็นลายลักษณ์อักษร อาจทำให้มีการเท หรือยกเลิกสัญญากลางคันได้ง่าย ๆ โดยการทำสัญญาที่ถูกต้องมีสิ่งที่ควรระบุ เช่น ขอบเขตการทำงานที่ชัดเจน ระยะเวลา เอกสารค่าใช้จ่ายวัสดุ (BOQ) และการแบ่งชำระเป็นงวด เป็นต้น

• มีบริการหลังการขายที่ดี
  

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการก่อสร้างมีโอกาสเกิดปัญหาได้เสมอ ทั้งในระหว่างการต่อสร้าง หรือหลังจากสร้างบ้านเสร็จแล้ว ซึ่งหากบริษัทรับสร้างบ้านมีบริการหลังการขาย ที่พร้อมให้คำปรึกษาและดูแล ก็จะช่วยสร้างความสบายใจให้กับเจ้าของบ้าน และช่วยอำนวยความสะดวกในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ เช่น ประกันโครงสร้าง 20 ปี ประกันหลังคา 5 ปี หรือประกันอื่น ๆ เป็นต้น
ขอบคุณข้อมูลจาก https://www.royalhouse.co.th/